
ทำไมคนปวดหลัง ไม่กล้ากลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม
หลายคนอาจจะตั้งคำถาม และกำลังประสบกับปัญหาว่าทำไม ปวดหลัง แล้วเราจึงกลัวการเคลื่อนไหว ไม่กล้าออกไปทำกิจวัตรประจำวัน ไม่กล้าออกไปใช้ชีวิต ภาวะอาการปวดหลังส่วนล่างเกิดขึ้น ระหว่างกระดูกซี่โครงต่ำสุดถึงบริเวณ สะโพกในเชิงโครงสร้างนั้น หลังส่วนล่างจะประกอบด้วย กล้ามเนื้อ หมอนรองกระดูกสันหลัง ข้อต่อ และเอ็นประกบข้อ การบาดเจ็บจากการใช้งานไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การทำงานในอิริยาบถเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานช่าง งานคนสวน ทำงานในโรงงาน และที่เป็นกันมากในปัจจุบัน คือ ออฟฟิศซินโดรม ทุกปัจจัยล้วนต่างส่งผลให้โครงสร้างดังกล่าว เกิดการบาดเจ็บได้ทั้งสิ้น หลังส่วนล่างมีความสำคัญ ต่อการเคลื่อนไหวเกือบทุก ๆ การเคลื่อนไหวของร่างกาย ดังนั้น เมื่อเกิดการบาดเจ็บต่อหลังส่วนล่าง จึงจะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว ในอิริยาบถต่าง ๆ ด้วย เชื่อหรือไม่ว่าการเคลื่อนไหวของร่างกายนั้นสัมพันธ์กับความเชื่อและความทรงจำของสมอง หนึ่งในภาวะที่พบบ่อยมากที่สุด ในผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรัง คือ ภาวะกลัวการเคลื่อนไหว (Kinesio phobia) จากการศึกษาพบว่า ภาวะกลัวการเคลื่อนไหวมีความชุกมากถึง 50-70 % ในผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรัง ซึ่งภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคน 6 ภาวะด้วยกัน ประกอบไปด้วย
- ผู้สูงอายุ
- ผู้ป่วยระบบหัวใจและหลอดเลือด
- ผู้ป่วยในกลุ่มระบบประสาท อัมพฤกษ์ พาร์กินสัน และกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ไมเกรน
- โรคทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อโดยเฉพาะการบาดเจ็บที่หลังส่วนล่าง
ในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้ ของสมองต่อภาวะกลัวการเคลื่อนไหว ในผู้ที่มีอาการ ปวดหลัง ส่วนล่างกัน
อาการปวดสัมพันธ์กับสมองได้อย่างไร ปวดหลัง จากเหตุผลว่าเรารู้ได้อย่างไรว่าเราปวดตรงไหน ปวดอย่างไร จึงเป็นคำตอบในเบื้องต้นว่า สมองและอาการปวดมีความสัมพันธ์กัน ขณะเดียวกันระยะเวลาของความปวดถ้าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนาน จะส่งผลให้กระทบต่อร่างกาย และสมองด้วยกัน 3 ด้านหลัก ๆ ได้แก่
- ด้านร่างกายจะมีความไวต่อความปวดง่ายขึ้น กล่าวคือ เพียงแค่สัมผัสหรือเคลื่อนไหวเล็กน้อย ก็อาจจะทำให้เกิดอาการปวดมาก ๆ ได้
- ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อโดยเฉพาะในกลุ่มกล้ามเนื้อทรงท่า หรือกลุ่มกล้ามเนื้อหลังมัดลึกจะมีความแข็งแรง และทนทานลดลง รวมไปถึงประสานสัมพันธ์ การทำงานของกล้ามเนื้อไม่ดีเหมือนเดิม
- ผลกระทบกับทางด้านจิตใจ เมื่อร่างกายเกิดการรับรู้ระดับความปวดที่สูง สมองด้านความรู้สึกปวดจะมีการเชื่อมโยงไปกับสมองส่วนของอารมณ์ และความคิด ส่งผลกระทบให้เกิดความกลัว และความเชื่อต่ออาการปวดที่เกิดขึ้น จึงเป็นคำตอบที่ว่าเวลาปวดหลังทำไมเราจึงกลัวการเคลื่อนไหว
ภาวะกลัวการเคลื่อนไหวหรือ (Kinesio phobia)
ภาวะกลัวการเคลื่อนไหวหรือ (Kinesio phobia) เป็นภาวะที่ร่างกายไม่กล้าเคลื่อนไหว หรือกลัวการทำกิจกรรมทางกายมากกว่าปกติ หรือเกินเหตุแบบไม่มีเหตุผล รวมไปถึงการทำกิจวัตรประจำวัน ที่เคยทำในทุก ๆ วัน ภาวะกลัวการเคลื่อนไหวมีความสัมพันธ์กับความรู้สึกต่อผลของการเคลื่อนไหวที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บและความเจ็บปวด ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับการบาดเจ็บเฉียบพลันแบบบ่อยครั้ง ในระดับความรุนแรงมาก ๆ และการบาดเจ็บเรื้อรัง โดยร่างกายจะมีการใช้งานบริเวณที่มีอาการปวดลดลง เนื่องจากกลัวอาการปวดที่จะเกิดขึ้น หากมีการเคลื่อนไหว โดยระดับที่ปวดที่สูง ๆ จะมีความสัมพันธ์ต่อภาวะกลัวการเคลื่อนไหว ซึ่งระดับความกลัวการเคลื่อนไหวยิ่งสูง หรือกลัวมาก ๆ จะสัมพันธ์กับระดับการรับรึความปวดสูงขึ้นด้วย นั่นหมายความว่า การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย หรือสัมผัสบริเวณดังกล่าวเบา ๆ จะเกิดความปวดที่มากเกินกว่าความเป็นจริง หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าการได้พัก หรือหยุดการเคลื่อนไหว หรือการระมัดระวังการเคลื่อนไหวเป็นระยะเวลานาน จะช่วยให้อาการปวดดีขึ้น แต่ผลการศึกษารายงานว่ากลับทำให้เกิด ภาวะกลัวการเคลื่อนไหว มากขึ้น โดยผู้ป่วยจะมีพฤติกรรม 2 ประเภท คือ
- เลือกที่จะอดทนต่อความปวด เพื่อที่จะได้ทำการเคลื่อนไหว หรือทำกิจกรรมที่มีข้อจำกัด
- เลือกที่จะไม่ทนต่อความปวด เพื่อหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหว โดยมีความเชื่อว่าการเคลื่อนไหว หรือการทำกิจกรรมจะทำให้เกิดอาการปวด หรือเกิดการบาดเจ็บ
นอกจากนั้น การศึกษาที่ผ่านมายังพบอีกว่า กลุ่มคนที่น้ำหนักตัวเกิน หรือคนอ้วนที่ปวดหลังส่วนล่างมีความสัมพันธ์ ต่อภาวะกลัวการเคลื่อนไหวด้วย ดังนั้น อาการปวดหลังเฉียบพลันที่รุนแรง และอาการปวดหลังเรื้อรังจึงเป็นเหตุ ให้เกิดภาวะกลัวการเคลื่อนไหว ในขณะเดียวกันเมื่อเกิดภาวะกลัวการเคลื่อนไหว ภาวะดังกล่าวจะเป็นตัวส่งเสริมให้การบาดเจ็บต่อโครงสร้างหลังส่วนล่างด้วยเช่นกัน จึงเกิดขึ้นเป็นวงจรการบาดเจ็บที่ซ้ำ ๆ ต่อเนื่องมากขึ้น ทำให้อาการปวดหลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จากข้อมูลในบทความนี้ คิดว่าทุกคนพอจะจับใจความสำคัญถึง วงจรการเกิดภาวะกลัวการเคลื่อนไหวได้แล้ว เรามาดูวิธีการรักษา และการหาทางออกจากภาวะกลัวการเคลื่อนไหวกัน จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า การออกกำลังกายที่เน้นองศาการเคลื่อนไหว เพิ่มความแข็งแรง ความยืดหยุ่น สามารถช่วยลดภาวะทุพพลภาพได้ นอกจากนั้นการเพิ่มความแข็งแรง และความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ จะช่วยลดอาการปวดแล้ว ยังช่วยให้กล้ามเนื้อไม่กลับมาบาดเจ็บซ้ำอีก เมื่อมีการเคลื่อนไหวและใช้งาน ซึ่งจะส่งผลให้ภาวะกลัวการเคลื่อนไหว จากความปวดลดลง ขณะเดียวกันเมื่อมีอาการปวดทุเลาลง ก็ควรที่จะรีบกลับมาใช้งาน ทำกิจวัตรประจำวันให้เป็นแบบปกติ และอย่าลืมควบคุมน้ำหนักตัวเพื่อป้องกันการเกิดภาวการณ์เคลื่อนไหวอีกครั้ง
ภาวะที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้กับคนที่ปวดหลังส่วนล่าง
เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับภาวะกลัวการเคลื่อนไหว เป็นภาวะที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้กับคน ที่ปวดหลังส่วนล่างใช่ไหมคะ ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้เกิดภาวะกลัวการเคลื่อนไหว ทุกคนควรจะมีการป้องกันการปวดหลัง ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายกลุ่มกล้ามเนื้อมัดลึก ใช้งานร่างกายให้ดีนั่งให้ถูกท่าในระยะเวลาที่เหมาะสม หรือใครที่มีกิจกรรมที่ต้องยกของ เป็นประจำ ก็ควรที่จะยกของให้ถูกท่า แต่สำหรับใครที่มีอาการปวดหลังส่วนล่าง ก็ควรที่จะหาวิธี และรีบรักษาด้วยการปรึกษาแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ หรือนักกายภาพบำบัด เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกลัวการเคลื่อนไหว
การปวดหลังเป็นอาการที่พบได้บ่อย
การปวดหลังเป็นอาการที่พบได้บ่อย และมีหลายสาเหตุ ตั้งแต่การใช้งานกล้ามเนื้อหรือกระดูกสันหลังมากเกินไป ไปจนถึงปัญหาสุขภาพที่ซับซ้อนกว่า ขึ้นอยู่กับประเภทของอาการและลักษณะของการปวด เช่น
- ปวดหลังจากกล้ามเนื้ออักเสบ: เกิดจากการใช้งานมากเกินไปหรือท่าทางที่ไม่ถูกต้อง อาการมักเกิดขึ้นหลังจากการยกของหนัก นั่งนาน ๆ หรือเคลื่อนไหวผิดท่า
- หมอนรองกระดูกเคลื่อนหรือเสื่อม: หมอนรองกระดูกที่อยู่ระหว่างกระดูกสันหลังอาจเคลื่อนหรือเสื่อมได้เมื่อมีการใช้งานมากเกินไป อาจทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาท ทำให้รู้สึกปวดร้าวลงไปที่ขา
- โรคหมอนรองกระดูกเสื่อม (Herniated disc): กระดูกสันหลังเสื่อมหรือแตกออก ซึ่งอาจกดทับเส้นประสาททำให้ปวดอย่างมากและมีอาการชาหรืออ่อนแรง
- ปวดจากโรคกระดูกพรุน: พบได้ในผู้สูงอายุ กระดูกสันหลังอาจเปราะและแตกหักได้ง่าย ทำให้ปวดเรื้อรัง
- ปวดหลังจากการติดเชื้อหรือมะเร็ง: แม้ว่าจะพบได้น้อยกว่า แต่หากปวดหลังร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น ไข้ น้ำหนักลด หรืออ่อนแรง อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือเนื้องอก
หากคุณปวดหลังมาก ควรเริ่มจากการพักผ่อนและหลีกเลี่ยงการใช้งานหนัก หากอาการไม่ดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม
โรงพยาบาลกายภาพบำบัด สไมล์ เป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดเล็ก บริการรับดูแล และ การรักษา การบำบัด การพยาบาลและการฟื้นฟูร่างกาย ผู้สูงอายุและผู้ป่วย โดยทีมสหวิชาชีพ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาลและนักกายภาพบำบัด ผ่านการรับรองมาตรฐานของกระทรวงสาธารสุข
เรารับอาสาดูแลคนที่ท่านรัก เพื่อแบ่งเบาภาระของท่าน โดยทีมงานมืออาชีพมากด้วยประสบการณ์ จากทีมงานสหวิชาชีพผู้ชำนาญการ และเราพร้อมให้บริการ ที่พักแก่ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ทั้งประจำและไป – กลับ รายวันและรายเดือน เช่น ผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต ผู้ป่วยเรื้อรัง ติดเตียง หรือต้องการพักฟื้น เน้นการฟื้นฟูและการบำบัด
Smile Physical Therapy Hospital โรงพยาบาลกายภาพบำบัดสไมล์ 87 หมู่9 ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ประเทศไทย 11140
Tel : 099 914 1595 ( คุณแพรว )
Line : @smilehospital24
E-mail : [email protected]
Tiktok : @smilepthospital.com
YouTube : @user-je7ou7rm9b
FaceTBook : โรงพยาบาลกายภาพบำบัดสไมล์ (Smile Physical Therapy Hospital)