
กายภาพบำบัดในผู้ป่วยข้อเข่าเทียม
ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมส่วน ใหญ่มีสาเหตุเริ่มมาจากปัญหาอาการปวดเข่า จนไม่สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้เหมือนปกติ ผู้ป่วยข้อเข่าเทียม ซึ่งอาการปวดเข่านั้นสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เอ็นหน้าเข่าอักเสบ มีการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ หรือข้อเข่าเสื่อม เป็นต้น
โดยอาการข้อเข่าเสื่อมนั้น คือ โรคที่เกิดจากความเสื่อมของกระดูกอ่อนผิวข้อเข่า ทำให้กระดูกอ่อนบางลงจนเนื้อกระดูกบริเวณข้อมีการมาชนกันขณะรับน้ำหนัก จึงทำให้เกิดอาการปวดเข่า เมื่อทำการยืน เดิน หรือขึ้นลงบันได โดยอาการข้อเข่าเสื่อมเป็นอาการที่พบได้มากในผู้ที่อายุ 55 ปีขึ้นไป และพบได้ในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
ผู้ป่วยข้อเข่าเทียม สาเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อมมีอะไรบ้าง
ผู้ป่วยข้อเข่าเทียม
- ความเสื่อมแบบปฐมภูมิ หรือแบบไม่ทราบสาเหตุ คือภาวะเข่าเสื่อมที่เกิดจากการเสื่อมตามวัยของกระดูกอ่อน เช่น จากอายุที่มากขึ้น จากกรรมพันธุ์ การมีน้ำหนักเกินเกณฑ์ การใช้งานข้อเข่ามากเกินไป เป็นต้น
- ความเสื่อมแบบทุติยภูมิ หรือแบบทราบสาเหตุ อาจเกิดได้จากอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุจากรถยนต์ หรือจากการเล่นกีฬา และจากโรคบางชนิด เช่น โรคเกาต์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นต้น
อาการของข้อเข่าเสื่อม แบ่งเป็น 5 ระยะ คือ
- ระยะแรก คือ เริ่มมีอาการตึงที่ข้อเข่าเมื่อทำการเปลี่ยนท่าทาง หรือตอนตื่นนอน โดยอาการจะต้องไม่เกิน 30 นาที ถ้าเกิน 30 นาทีอาจจะเป็นโรครูมาตอยด์ได้
- ระยะที่ 2 คือ กระดูกอ่อนบริเวณผิวข้อเริ่มมีการสึก เกิดกระดูกงอกเล็กน้อย จะเริ่มพบเสียงในข้อเข่าจากการเสียดสีของกระดูกที่งอกออกมา ในระยะนี้จะเริ่มมีอาการปวดได้
- ระยะที่ 3 คือ ระยะที่มีการสึกหรอของกระดูกอ่อนเพิ่มขึ้น เสียงดังในข้อเข่าเพิ่มขึ้น มีการขัดและเจ็บอย่างชัดเจน เริ่มมีการจำกัดการเคลื่อนไหวของข้อเข่า กล้ามเนื้อรอบข้อเข่ามีความแข็งแรงลดลง เริ่มมีอาการเข่าหลวม
- ระยะที่ 4 คือ ข้อเข่าจะมีความหลวมเพิ่มขึ้น ข้อเข่าเริ่มมีการผิดรูป ไม่ว่าจะเป็นเข่าโก่ง หรือเข่าแอ่น ทำให้ขณะยืนเดินมีความมั่นคงลดลง มีการจำกัดการเคลื่อนไหวของข้อเข่าเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงล้มได้ง่าย
- ระยะที่ 5 คือ ระยะที่เห็นการผิดรูปของเข่าอย่างมาก ข้อเข่าไม่มั่นคง ผู้ป่วยจะเคลื่อนไหวได้ช้า ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ลำบาก ทำให้ผู้ป่วยไม่ค่อยมีการขยับข้อเข่า ส่งเสริมให้เข่าเสื่อมได้เร็วขึ้น
การรักษาข้อเข่าเสื่อม
- การรักษาโดยไม่ผ่าตัด จะใช้ในผู้ป่วยระยะแรก และระยะกลาง ๆ ของการเป็นข้อเข่าเสื่อม โดยในระยะแรกจะเน้นให้ทำการเคลื่อนไหวเพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามปกติ ส่วนในระยะกลาง จะเน้นให้ผู้ป่วยออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า
- การรักษาโดยการผ่าตัด ซึ่งแพทย์จะพิจารณาการว่าจะผ่าตัดหรือไม่จากการที่ผู้ป่วยมีอาการปวดเข่าจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน รวมกับการที่แพทย์ประเมินว่าผู้ป่วยเป็นข้อเข่าเสื่อมระยะสุดท้าย โดยการผ่าตัด คือ แพทย์จะทำการผ่าตัดเปลี่ยนเป็นข้อเข่าเทียมให้กับผู้ป่วย

การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม แบ่งเป็น 2 รูปแบบ
- แบบเปลี่ยนผิวข้อเฉพาะบางส่วน (Unicompartment Knee Arthroplasty; UKA) คือ การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเฉพาะส่วนที่มีความเสื่อมสภาพ โดยส่วนมากมักพบในผู้ป่วยที่มีอาการปวดเข่าด้านใน
- แบบเต็มข้อ (Total Knee Arthroplasty; TKA) คือ การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าทั้งหมด ส่วนมากมักพบในผู้ป่วยที่มีอาการข้อเข่าเสื่อมรุนแรง มีข้อเข่าผิดรูปมาก
จุดมุ่งหมายของการฟื้นฟูหลังการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม
หลักการฟื้นฟูภายหลังการผ่าตัดทั้งช่วงที่อยู่ในโรงพยาบาลหรือหลังจากออกจากโรงพยาบาลนั้น คือ การทำให้องศาการเคลื่อนไหวของข้อเข่าอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ และนอกจากการเพิ่มองศาการงอเข่าแล้ว นักกายภาพบำบัดควรให้โปรแกรมการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเข่าและสะโพกร่วมด้วย เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมายืนเดินได้เหมือนปกติ
การรักษาทางกายภาพบำบัดในผู้ป่วยผ่าตัดข้อเข่าเทียม
- ระยะที่ 1 ผู้ป่วยหลังการผ่าตัดช่วงวันที่ 0-3 ขณะอยู่ที่โรงพยาบาล ผู้ป่วยควรขยับ งอ เหยียดเข่าเบา ๆ เท่าที่ทำได้ โดยการนอนหงายงอและเหยียดเข่าช้า ๆ 10 ครั้ง/รอบ จำนวน 3 รอบ/วัน ซึ่งการขยับเข่าเบา ๆ นี้จะช่วยให้อาการตึงบริเวณบาดแผลน้อยลง ลดอาการปวด และอาการบวมลงได้ และอาจมีการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ด้วยการนอนหงายนำผ้ามาม้วนรองใต้เข่า แล้วจึงกดเข่าลงเตียง ค้างไว้ 10 วินาที ทำทั้งหมด 10 ครั้ง/รอบ จำนวน 3 รอบ/วัน ในระยะนี้ควรมีการประคบเย็นหลังการออกกำลังกาย โดยประคบนาน 15-20 นาที ร่วมกับการพันผ้ายืดรอบเข่า และการยกปลายเท้าสูง เพื่อช่วยลดอาการบวมของข้อเข่า
- ระยะที่ 2 ผู้ป่วยหลังออกจากโรงพยาบาลในช่วงสัปดาห์ที่ 1-4 เป็นช่วงที่มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถงอเข่าให้ได้อย่างน้อย 90 องศา ระยะนี้ผู้ป่วยควรออกกำลังกายเพื่อเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อมากขึ้น โดยท่าแรกคือการนั่งเหยียดเข่า ร่วมกับการนำผ้าขนหนูมาม้วน และหนีบไว้ระหว่างเข่าทั้ง 2 ข้าง วิธีการคือให้ผู้ป่วยออกแรงหนีบผ้าขนหนูไว้ หลังจากนั้นค่อย ๆ เหยียดเข่าข้างหนึ่งขึ้นจนสุด ค้างไว้ 10 วินาที ทำ 10 ครั้ง/รอบ จำนวน 3 รอบ/วัน และในระยะนี้สามารถเพิ่มท่าออกกำลังกายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันเพิ่มได้ นั้นคือ การฝึกก้าวขึ้น-ลงบันได โดยเริ่มจากฝึกก้าวขึ้นลงทีละข้าง ให้ก้าวขาข้างที่ผ่าตัดขึ้นก่อนตามด้วยขาอีกข้าง แล้วก้าวลงโดยให้นำขาข้างผ่าตัดลงก่อน ตามด้วยขาอีกข้าง ทำซ้ำ 10 ครั้ง/รอบ เป็นจำนวน 3 รอบ/วัน รวมถึงการฝึกเพื่อเพิ่มกำลังกล้ามเนื้ออื่น ๆ ในท่ายืน ได้แก่ ยืนงอเข่าไปด้านหลัง ยืนกางขา และยืนเขย่งเท้า โดยทุกท่า ให้ทำค้างไว้ 10 วินาที ทำ 10 ครั้ง/รอบ จำนวน 3 รอบ/วัน
- ระยะที่ 3 ผู้ป่วยหลังออกจากโรงพยาบาลช่วงสัปดาห์ที่ 4-8 โดยเป้าหมายของช่วงระยะนี้คือเพื่อเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหวของเข่าให้ได้อย่างน้อน 130 องศา และสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เคยทำได้อย่างเป็นปกติ ซึ่งการออกกำลังกายที่ควรทำในช่วงนี้จะเป็นการออกกำลังกายคล้ายแบบเดิม แต่ให้เพิ่มจำนวนครั้งขึ้น หรือมีการเพิ่มน้ำหนักในการออกกำลังกาย
โรงพยาบาลกายภาพบำบัด สไมล์ เป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดเล็ก บริการรับดูแล และ การรักษา การบำบัด การพยาบาลและการฟื้นฟูร่างกาย ผู้สูงอายุและผู้ป่วย โดยทีมสหวิชาชีพ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาลและนักกายภาพบำบัด ผ่านการรับรองมาตรฐานของกระทรวงสาธารสุข
เรารับอาสาดูแลคนที่ท่านรัก เพื่อแบ่งเบาภาระของท่าน โดยทีมงานมืออาชีพมากด้วยประสบการณ์ จากทีมงานสหวิชาชีพผู้ชำนาญการ และเราพร้อมให้บริการ ที่พักแก่ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ทั้งประจำและไป – กลับ รายวันและรายเดือน เช่น ผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต ผู้ป่วยเรื้อรัง ติดเตียง หรือต้องการพักฟื้น เน้นการฟื้นฟูและการบำบัด
Smile Physical Therapy Hospital โรงพยาบาลกายภาพบำบัดสไมล์ 87 หมู่9 ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ประเทศไทย 11140
Tel : 099 914 1595 ( คุณแพรว )
Line : @smilehospital24
E-mail : [email protected]
Tiktok : @smilepthospital.com
YouTube : @user-je7ou7rm9b
FaceTBook : โรงพยาบาลกายภาพบำบัดสไมล์ (Smile Physical Therapy Hospital)