
การออกกำลังกายใน (Parkinson’s disease)
โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s disease) หรือโรคสันนิบาต ผู้ป่วยพาร์กินสัน เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อม แบบไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของเซลล์สมอง ส่งผลให้มีการผลิตสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า โดปามีน (Dopamine) ลดลง ซึ่งเป็นสารที่มีบทบาทสำคัญ ในการควบคุม การเคลื่อนไหวของร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคพาร์กินสันมักพบว่ามีอาการผิดปกติทางด้านการเคลื่อนไหว อีกทั้งยังอาจมีความผิดปกติในด้านจิตใจ และอารมณ์ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วย กลุ่มนี้มีบุคลิกภาพ ความคิด และความจำเปลี่ยนไป โดยโรคนี้สามารถพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ และบางรายอาจเกิดได้จาก สารเคมีหรือยาบางชนิดทำให้มีอาการ เหมือนโรคพาร์กินสัน ซึ่งผู้ป่วยจำเป็นจะต้อง ได้รับการวินิจฉัยทางการแพทย์
ผู้ป่วยพาร์กินสัน ปัจจัยเสี่ยงของโรคพาร์กินสัน
- อายุ โดยมากโรคพาร์กินสันจะพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป
- เพศ ส่วนมากจะพบในเพศชาย มากกว่าเพศหญิง
- เชื่อชาติ มักพบในคนทางตอนเหนือ ของยุโรป และอเมริกา
- พันธุกรรม สามารถพบโรคพาร์กินสัน ที่เป็นกันในครอบครัวได้ แต่พบได้น้อย
- สิ่งแวดล้อม อาจเกิดจากการติดเชื้อ หรือการได้รับสารพิษบางชนิด
อาการแสดงของโรคพาร์กินสัน
- อาการสั่น (tremor) มักเกิดที่มือหรือขาขณะที่อยู่นิ่ง ในระยะเริ่มแรกจะเป็นเพียงข้างเดียว และต่อมาอาจมีอาการสั่นของระยางค์ทั้งสองข้าง คางหรือศีรษะได้ โดยอาการสั่นมักหายไปเมื่อมีการเคลื่อนไหว และจะมีอาการสั่นมากขึ้นเมื่อมีภาวะตึงเครียด
- อาการเกร็ง (rigidity) คือ อาการที่กล้ามเนื้อมีความตึงตัวเพิ่มขึ้น มีอาการเกร็งแข็งตลอดเวลา มักเป็นที่กล้ามเนื้อคอ หลัง และส่วนต้นของแขนหรือขาก่อน ต่อมาเมื่อมีอาการเพิ่มขึ้น จะเริ่มมีอาการเกร็งส่วนปลายของมือ และเท้าตามมา
- อาการเคลื่อนไหวช้า (bradykinesia) คือ การที่ต้องใช้ระยะเวลาเพิ่มขึ้น ในการเริ่มการเคลื่อนไหว มักเกิดข้างเดียวกับข้างที่มีอาการสั่น แต่เมื่อมีอาการเพิ่มขึ้น อาการเคลื่อนไหวช้าจะเริ่มเกิดที่ลำตัว ศีรษะและระยางค์อีกข้าง
- อาการสูญเสียการทรงตัว (postural instability) คือ อาการที่มีการทรงตัวลำบาก ก้าวขาไม่ออกขณะเดิน ทำให้เสี่ยงต่อการล้มได้ง่าย
และนอกจากนี้ยังมีอาการต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นร่วมได้ เช่น มีการพูดช้า เสียงเบา เขียนหนังสือช้าลง หรือเขียนตัวเล็กลงเรื่อย ๆ มีภาวะกลืนลำบาก น้ำลายไหล ท้อแท้ ซึมเศ้รา นอนไม่หลับ เห็นภาพหลอน เป็นต้น
ระดับความรุนแรงของโรคพาร์กินสัน
- ระยะที่ 1 มีความผิดปกติ ของการเคลื่อนไหว เพียงเล็กน้อย ที่แขนหรือขา เพียงซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย
- ระยะที่ 2 มีความผิดปกติ ของการเคลื่อนไหว เพียงเล็กน้อย ที่แขนหรือขา ทั้งสองข้างของร่างกาย
- ระยะที่ 3 มีความผิดปกติ ของการเคลื่อนไหว ทั้งสองข้างร่วมกับความผิดปกติ ในการทรงตัวให้สมดุล พบว่ามีอาการเกร็ง (rigidity)
- ระยะที่ 4 มีอาการแสดงทั้งสี่อาการ มีความผิดปกติของการเคลื่อนไหวมาก และต้องได้รับการช่วยเหลือพอสมควรในการดำเนินชีวิต
- ระยะที่ 5 มีความผิดปกติ ของการเคลื่อนไหวอย่างมาก และมักใช้ชีวิตอยู่กับเตียง หรือรถเข็น
วิธีการดูแลตัวเองของผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน
- การรับประทานยา รักษาโรคพาร์กินสัน โดยเป็นยาที่สามารถ ช่วยควบคุมอาการของโรคให้ลดลง ซึ่งผู้ป่วยจำเป็นจะต้องได้รับยาตลอด ต่อเนื่อง และตรงต่อเวลา เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
- การออกกำลังกายเพื่อการบำบัดรักษา ซึ่งเป็นวิธีที่มีความสำคัญ ต่อการชะลอการดำเนินของโรคได้ โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มเป็นพาร์กินสันในระยะแรก ๆ การออกกำลังกาย ที่แนะนำ ได้แก่
- การออกกำลังกายแบบแอโรบิก (Aerobic exercise) อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ระยะเวลา 15-45 นาทีต่อครั้ง โดยสำหรับผู้เริ่มต้น ให้เริ่มที่ 15 นาทีก่อน และค่อย ๆ เพิ่มเวลาไปเรื่อย ๆ จนถึง 45 นาที การออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่แนะนำ เช่น การเดินบนพื้นราบ การเดินในน้ำ เป็นต้น
- การยืดกล้ามเนื้อ (Stretching exercise) เป็นการออกกำลังกายเพื่อเพิ่ม ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ โดยควรทำทั้งก่อนออกกำลังกาย เพื่อเป็นการอบอุ่นร่างกาย และหลังออกกำลังกาย เพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
- การออกกำลังกายแบบอื่น ๆ ที่เป็นกิจกรรมที่ผู้ป่วยชื่นชอบ เช่น การเต้นรำ การว่ายน้ำ การปั่นจักรยาน โยคะ (Yoga) หรือไทเก๊ก (Tai-Chi) เป็นต้น
- การฟื้นฟูสภาพจิตใจและสังคม เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการบำบัดรักษา ผู้ป่วยโรคพาร์กินสันและผู้ดูแลจะต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคอย่างถูกต้อง บุคคลรอบข้างต้องมีความเชื่อมั่น และมีกำลังใจ เพื่อช่วยลดความเครียด และความวิตกกังวล เพราะเมื่อมีจิตใจที่เข้มแข็ง ก็จะส่งผลต่อร่างกายให้ แข็งแรงด้วย การรักษาบำบัดจึง จะได้ประสิทธิภาพสูงสุด
- การรักษาด้วยการผ่าตัด โดยจะทำการผ่าตัด เพื่อฝังเครื่องกระตุ้นสมองส่วนลึก ด้วยไฟฟ้า (deep brain stimulation) และการผ่าตัดแบบทำลาย โดยใช้คลื่นวิทยุ (radio frequency ablative surgery)
บทบาทของกายภาพบำบัดต่อผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน
- ประเมินความสามารถในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้ป่วย และประเมินระยะการดำเนินโรค
- ลดอาการปวดและความตึงตัวของกล้ามเนื้อ
- ยืดกล้ามเนื้อเพื่อป้องกันกล้ามเนื้อหดรั้ง
- ช่วยฟื้นฟู สมรรถภาพการทำงาน ของหัวใจและปอด เช่น การฝึกการหายใจ เพื่อช่วยเพิ่มการขยายตัวของทรวงอก
- การออกกำลังกายเพื่อการบำบัดรักษา
- แนะนำวิธีการเดิน และการใช้อุปกรณ์ช่วยเดินต่าง ๆ
ตัวอย่างการออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน
- การยืดกล้ามเนื้อก่อนการออกกำลังกาย เช่น การยืดกล้ามเนื้อหน้าท้อง กล้ามเนื้อลำตัว กล้ามเนื้อหลัง และกล้ามเนื้อน่อง
- การออกกำลังกาย เช่น ท่าบริหารกล้ามเนื้อรอบเข่า โดยการยืนย่อ หรือลุกขึ้นยืน-ลงนั่งบนเก้าอี้ ท่าบริหารกล้ามเนื้อรอบข้อสะโพก โดยการยืนเตะขาในทิศทางต่าง ๆ ท่าบริหารโดย การฝึกถ่ายน้ำหนักในทิศทางต่าง ๆ ท่าบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง โดยการนอนหงายชันเข่า แล้วยกตัวขึ้นให้สะบักลอยพ้นพื้น
- การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หลังการออกกำลังกาย โดยการยืดกล้ามเนื้อ บริเวณต่าง ๆ ร่วมกับการหายใจเข้า-ออกช้า ๆ
Smile Physical Therapy Hospital โรงพยาบาลกายภาพบำบัดสไมล์ 87 หมู่9 ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ประเทศไทย 11140
Tel : 099 914 1595 ( คุณแพรว )
Line : 082 978 5966
E-mail : [email protected]
Tiktok : @smilepthospital.com
YouTube : @user-je7ou7rm9b
FaceTBook : โรงพยาบาลกายภาพบำบัดสไมล์ (Smile Physical Therapy Hospital)