
การฟื้นฟูของผู้ป่วย หลอดเลือดสมองตีบ ให้กลับคืนสภาพปกติ
ในผู้ป่วย หลอดเลือดสมองตีบ เนื่องจากสมองขาดเลือด จึงส่งผลให้ไม่สามารถควบคุม หรือสั่งการร่างกาย ให้ทำงานได้ อย่างปกติ ลักษณะอาการ ที่มักพบได้บ่อย ๆ คือ แขนขาอ่อนแรง หรือ ชา หรือในบางราย อาจไม่สามารถรับรู้ การเคลื่อนไหวของ แขนขา ได้ จึงไม่สามารถเคลื่อนไหว หรือ เดินได้ตามปกติ รวมทั้งความจำ การนึกคิด หรือการพูด จะเปลี่ยนไป จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องได้รับ การฟื้นฟูร่างกาย โดยเร่งด่วน อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถ ที่จะกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ช่วยเหลือตัวเองให้ได้ พร้อมปรับตัว ให้เข้ากับข้อจำกัดใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด เพื่อลดการเกิดภาวะพิการถาวร จากโรค หลอดเลือดสมอง
โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต ผู้ที่เป็นมักมีอาการอย่างเฉียบพลัน บางรายโชคดีถึงมือแพทย์เร็วทันเวลาก็อาจรักษาให้หายเป็นปกติได้ แต่บางรายต้องกลายเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต และบางรายต้องเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ส่งผลให้เกิดความสูญเสียทั้งต่อตัวผู้ป่วยเอง คนใกล้ชิด ไปจนถึงผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและสังคม
โรค หลอดเลือด สมองตีบตัน หรือ Stroke เกิดจากภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยง เพราะเกิดการอุดตันของเส้นเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงสมองส่วนต่างๆ ส่งผลให้สมองขาดเลือด อยู่ในภาวะที่ทำงานไม่ได้ ผู้ป่วยจะมีอาการต่างๆ เช่น ตามองไม่เห็น ชาครึ่งซีก หรือเป็นอัมพาตแบบครึ่งซีก พูดไม่ชัดหรือพูดไม่ได้ เป็นต้น ส่วนใหญ่มักเกิดในกลุ่มวัยกลางคนขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงวัยที่กำลังสร้างสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม
จะเริ่มต้นฟื้นฟูผู้ป่วยโรค หลอดเลือดสมองตีบ ให้ดีขึ้นได้อย่างไร
หลักการสำคัญ ของการฟื้นฟู สำหรับผู้ป่วย โรคหลอดเลือดสมองตีบ คือ การให้ผู้ป่วยฝึกการเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ บ่อย ๆ อย่างถูกต้อง และ ถูกวิธี และ ต้องต่อเนื่องสม่ำเสมอ เพื่อให้เซลล์สมองที่ยังเหลือ เกิดการเรียนรู้ และจดจำ และสั่งการแทนเซลล์สมอง ที่สูญเสียไป กระทั่งกลับมาสู่สภาพปกติ หรือใกล้เคียงมากที่สุด ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลา บางรายอาจใช้เวลาเป็น เดือนหรือเป็นปี หลังออกจาก โรงพยาบาล โดยมีหลักในการฟื้นฟู ด้วยกัน 4 ข้อดังนี้
1. การฟื้นฟูด้วยการพูด
การฟื้นฟูทำกายภาพบำบัด และการฝึกความแข็งแรง ของร่างกาย การฝึกทักษะต่าง ๆ และเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การฟื้นฟูสภาพทางจิตใจ ในการฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยทั้ง 4 ข้อนี้จะต้องอาศัยความร่วมมือของผู้ป่วยเองและครอบครัว ซึ่งบุคคลในครอบครัวหรือผู้ดูแลเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยมากที่สุด เป็นผู้ที่ชาวยเหลือดูแลทั้งด้านร่างกายและจิตใจ มีบทบาทสำคัญในการให้กำลังใจผู้ป่วย ตลอดจนให้คำนำและส่งเสริมให้เกิดแรงกระตุ้นในผู้ป่วยให้ฟื้นฟูสมรรถภาพและช่วยเหลือในกิจกรรมที่ผู้ป่วยไม่สามารถปฏิบัติได้
2. การฝึกพูด ฟื้นฟูสื่อสารในผู้ป่วยหลอดเลือดสมองตีบ
ผู้ป่วย โรคหลอดเลือดสมอง บางรายอาจมีปัญหาสื่อสารบกพร่อง หรือพูดไม่ชัด พูดลำบากไม่เข้าใจคำพูดหรือภาษาในการสื่อสารดังนั้น จึงควรได้รับการฝึกพูดเพื่อสื่อสาร จากนักกายภาพบำบัด ซึ่งจะมาช่วยสอนทักษะ วิธีเรียนรู้การใช้ภาษาและการสื่อสาร การรักษาอาจรวมไปถึงการพูดคำซ้ำ ๆ ชัด ๆ ใช้คำศัพท์ง่าย ๆ และแสดงลักษณะท่าทางประกอบ เลือกคำถามที่ตอบได้ด้วยคำว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ อาทิ รู้สึกหิวไหม ? โดยที่ผู้ดูแลควรยืนอยู่ ในตำแหน่งที่ผู้ป่วยสามารถมองเห็น เมื่อทำการสนทนา บรรยากาศในการสื่อสาร ควรที่จะเงียบสงบ ผ่อนคลายทั้ง 2 ฝ่าย ไม่แสดงท่าทางรีบเร่ง คอยคำตอบจากผู้ป่วย นอกจากนี้เสียงดนตรีหรือ การใช้ดนตรีบำบัด ก็สามารถทำให้ผู้ป่วยมีการพูดที่ดีขึ้นได้
3. ฟื้นฟูทำกายภาพบำบัดและการฝึกความแข็งแรงของร่างกาย
ภาวะที่พบได้บ่อยอในผู้ป่วย หลอดเลือดสมองตีบ นอกจากปัญหาการเคลื่อนไหวแล้ว สูญเสียการทำงานของกล้ามเนื้อ การควบคุมการขับถ่าย การกลืนลำบาก เป็นต้น ปัญหาการกลืน ส่งผลให้ผู้ป่วยสำลัก และเกิดการติดเชื้อปอดอักเสบได้ จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำ การฝึกกลืน โดยนักกายภาพบำบัด เช่น การเตรียมอาหารเป็นชิ้นเล็ก ๆ การออกกำลังกายเพื่อกล้ามเนื้อ ที่เกี่ยวข้องกับการกลืนทำงานได้ดีขึ้น รวมถึงคำแนะนำ เรื่องท่าทางของศรีษะ และลำคอขณะนั่งรับประทานอาหาร ส่วนการฝึกการเคลื่อนไหวร่างกาย การออกกำลังกายในซีกที่อ่อนแรง เน้นการฝึกความคงทน และความแข็งแรง เพื่อเสริมสร้างทักษะของด้านที่เสียไปตามกำลังความสามารถ และช่วยให้ข้อต่าง ๆ ทำหน้าที่ได้ตามปกติ ป้องกันการยึดติดของข้อ ป้องกันการหดตัวของกล้ามเนื้อ และช่วยให้เลือดไหลเวียนสะดวกขึ้น โดยการทำกายภาพบำบัดดังนี้
- ออกกำลังกายโดยผู้ดูแลหรือนักกายภาพบำบัดทำให้ ผู้ดูแลจะต้องพยุงในส่วนที่จะทำให้เคลื่อนไหวอย่างดี คอยช่วยกำกับการเคลื่อนไหว เช่น การฝึกก้าวขาทีละข้าง ฝึกลงน้ำหนักตามจังหวะการเดินปกติ การเดินบนพื้นราบ และการฝึกเดินขึ้นลงบันได
- ออกกำลังกายโดยตัวผู้ป่วยเอง ซึ่งผู้ป่วยทุกรายจะต้องฝึก เพื่อให้เกิดผลดีกับตัวผู้ป่วยเอง แต่จะทำได้มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับความสามารถ และกำลังกล้ามเนื้อของผู้ป่วย หากผู้ป่วยได้รับการฝึกอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้ผู้ป่วยเรียนรู้และทำการเคลื่อนไหว ได้อย่างดีขึ้น
Smile Physical Therapy Hospital โรงพยาบาลกายภาพบำบัดสไมล์ 87 หมู่9 ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ประเทศไทย 11140
Tel : 099 914 1595 ( คุณแพรว )
Line : 082 978 5966
E-mail : [email protected]
Tiktok : @smilepthospital.com
YouTube : @user-je7ou7rm9b
FaceTBook : โรงพยาบาลกายภาพบำบัด สไมล์ (Smile Physical Therapy Hospital)
Keywords คีย์เวิร์ด กายภาพบำบัด นักกายภาพบำบัด การบำบัด ตรวจประเมินร่างกาย การป้องกัน เวชศาสตร์ฟื้นฟู กล้ามเนื้อ ข้อเสื่อม ข้อต่อ แผนกกายภาพบำบัด โรงพยาบาล ผู้ป่วย กายภาพ นักกายภาพบำบัดสำหรับเด็ก โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ผู้ป่วยหลังผ่าตัด การพยาบาลหลังผ่าตัด การดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัด การพยาบาล การ พยาบาลผู้ป่วยก่อนผ่าตัด ปรึกษาฟรี ศูนย์ดูแลผู้ป่วย ผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน บำบัด รักษา ฟื้นฟู บริการดูแล ผู้ป่วยเรื้อรัง รักษาผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่ต้องการ การฟื้นฟูร่างกาย บริการแบบประจำ แบบไป-กลับ รายวัน รายเดือน ตรวจประเมิน วินิจฉัย วางแผนการรักษา โปรโมชั่น โปรโมชั่นพิเศษ วิธีการตรวจสอบโรค บรรเทาอาการเบื้องต้น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง บริการตรวจประเมิน ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ ระบบประสาท ระบบทรวงอก การทำแผล การรักษาแผลกดทับ การให้ยาและน้ำเกลือ ใส่สายอาหารและสายสวนปัสสาวะ ดูแลด้วยหัวใจ ห่วงใยดุจญาติมิตร ดูแลด้วยหัวใจใกล้ชิดตลอด 24 ชม. ใกล้ เซ็นทรัลเวสเกต บางใหญ่ ,บางบัวทอง โปรแกรมการฟื้นฟูกายภาพเฉพาะบุคคล ร่วมกับธรรมชาติบำบัด ส่งผลต่อการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยเป็นอย่างดี ด้วยบรรยากาศธรรมชาติบนพื้นที่ 6ไร่ และเครื่องมือที่ทันสมัย ใครเจอเราคนนั้นโชคดี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม ไกลอาจจะดีกว่าใกล้ ให้เราดูแลคนที่คุณรักและห่วงใยนะคะ