
การฟื้นคืนสู่สภาพปกติของผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง
โรคหลอดเลือดสมอง หรือ (Stroke) เป็นภาวะที่สมองนั้น ขาดเลือดไปเลี้ยง สาเหตุเนื่องจาก หลอดเลือดอุดตัน , หลอดเลือดตีบ หรือหลอดเลือดแตก จึงส่งผลให้เนื้อเยื้อ ในสมอง ของผู้ป่วย ถูกทำลาย และการทำงานของ สมอง จะหยุดชะงัก
อาการของ โรคหลอดเลือดสมอง
- มีอาการอ่อนแรง หรือชาที่ใบหน้า และมีอาการอ่อนแรง หรือชาที่บริเวณร่างกาย เช่น แขนขาครึ่งซีก ของร่างกาย ผู้ป่วย
- เมื่อ สมองของผู้ป่วย ขาดเลือดอาจจะทำให้สมอง ไม่สามารถที่จะทำงานได้ปกติ ซึ่งอาการต่าง ๆ จะแสดงมากขึ้น หรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับ ระดับความรุนแรง และตำแหน่งของสมอง ที่ถูกทำลาย
- ผู้ป่วย จะมีอาการปวดศีรษะ และมีอาการ เวียนศีรษะในทันที
- ผู้ป่วย จะมีอาการพูดไม่ชัดร่วมด้วย รวมถึงมีอาการ ปากเบี้ยว มุมปากตก น้ำลายไหล และ กลืนลำบาก
- ผู้ป่วย จะมีอาการ เดินเซ ทรงตัวลำบาก
- ตาของผู้ป่วย จะมัว อาจจะมองเห็นภาพซ้อน หรือ เห็นเป็นครึ่งซีก หรือ ตาบอดข้างเดียว ได้ในทันที
เป้าหมาย ที่สำคัญมากที่สุด ทำให้ผู้ป่วย มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ประกอบด้วย ดังนี้
- ผู้ป่วย สามารถที่จะกลับไปทำกิจวัตรประจำวัน ของตนเอง กับครอบครัว ได้ปกติ
- ผู้ป่วย สามารถดึง ศักยภาพต่าง ๆ ออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ในการทำกิจกรรม ต่าง ๆ
- สมอง และกล้ามเนื้อ ของผู้ป่วย จะถูกกระตุ้น และพัฒนาความสามารถ ในระยะยาว
- ผู้ป่วย ไม่เกิดความพิการซ้ำซ้อน
- ผู้ป่วย ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน จากการนอนติดเตียง
โรคหลอดเลือดสมอง ช่วงเวลาสำคัญ ของการดูแล
โรคหลอดเลือดสมอง หลังผู้ป่วยกลุ่ม โรคทางหลอดเลือดสมอง ผ่านช่วงเวลาวิกฤติ ระยะเวลา ที่ได้ผลที่ดีที่สุด ในการฟื้นฟู ของร่างกาย และสมอง ( Golden Period) คือไม่เกิน 3-6 เดือน เดือนแรก หลังจากเกิดภาวะ หลอดเลือดสมองตีบหรืออุตตัน หรือหลอดเลือดสมองแตก เพราะสมองของผู้ป่วย จะสามารถฟื้นตัวได้ไวที่สุด หากผู้ป่วย ได้รับการดูแล อย่างถูกต้อง สมองจะฟื้นตัวไว และสามารถ แสดงศักยภาพที่เหลืออยู่ได้ เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม หากผ่านช่วงเวลา 6 เดือนไปแล้ว แม้สมอง จะมีอัตราการพัฒนา ที่น้อยลง แต่ก็ยังสามารถ ที่จะพัฒนาต่อไปได้เรื่อย ๆ ถ้าผู้ป่วย ได้รับการฝึกฝน อย่างต่อเนื่อง การได้รับความดูแลจากบุคลากร ที่มีความสามารถเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด หรือแพทย์เป็นต้น รวมถึงความเข้าใจที่ถูกต้อง ในเรื่องของผู้ดูแล และญาติของผู้ป่วย กระบวนการต่าง ๆ ในการดูแล ผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง ย่อมช่วยฟื้นฟู สมองของผู้ป่วยได้ อย่างเต็มที่ และ มีคุณภาพมาก ที่สุด
การวางแผนดูแล ผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง
การวางแผนดูแล ผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง หลักการสำคัญ ของการฟื้นฟูสำหรับ ผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง นั้น คือ การให้ผู้ป่วย ได้มีการใช้งานการเคลื่อนไหวที่ ซ้ำ ๆ และบ่อย ๆ อย่างสม่ำเสมอ และถูกต้อง เพื่อให้เซลล์ ของสมอง ที่ยังเหลืออยู่ ได้มีการเรียนรู้ และจดจำ และสั่งการทดแทน ของเซลล์สมอง ที่สูญเสียไป จนกระทั่งกลับมาสู่ สภาพที่ปกติ หรือใกล้เคียงมาก ที่สุด ซึ่งบางราย อาจะต้องใช้เวลาเป็นเดือน หรือเป็นปี ต่างกันออกไป หลังออกจาก โรงพยาบาล โดยหลักในการฟื้นฟู ต่าง ๆ ที่สำคัญ เช่น ฟื้นฟูใน ส่วนของการ ฝึกพูด,ฟื้นฟู ทำกายภาพบำบัด และสร้างความแข็งแรง ในผู้ป่วย
การฟื้นฟู โดยการฝึกพูด
ในผู้ป่วย โรคหลอดเลือดสมอง ในบางรายจะมีปัญหา ด้านการสื่อสาร ที่บกพร่อง การพูดไม่ชัด หรือ การพูดที่ลำบาก ไม่เข้าใจในภาษา ที่จะสื่อสารออกไปดังนั้น การฟื้นฟูโดยการฝึกพูด เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก สำหรับ ผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง ผู้ฝึกคือ นักกายภาพบำบัด ซึ่งจะเข้ามา ช่วยสอนทักษะ ให้ผู้ป่วย และวิธีเรียนรู้ ในการใช้ภาษา และการสื่อสาร การรักษา จึงใช้การพูดคำซ้ำ ๆ และ ฝึกอ่านเขียน ให้กับผู้ป่วย
ฟื้นฟูทำกายภาพบำบัด และสร้างความแข็งแรงในผู้ป่วย
ภาวะในผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง ที่พบได้บ่อย นอกเหนือจากปัญหา ที่เกี่ยวกับ การเคลื่อนที่ อาจสูญเสียการทำงาน ของกล้ามเนื้อ หรือการควบคุม การขับถ่าย การกลืนที่ลำบาก และปัญหา การกลืนลำบากในผู้ป่วย อาจส่งผลทำให้เกิดการสำลัก อาหาร และ เกิดการติดเชื้อ ลงปอดอักเสบได้ จึงจำเป็น จะต้องได้รับคำแนะนำ ในการฝึกกลืน โดยนักกายภาพบำบัด เช่น การเตรียมอาหาร ให้เป็นชิ้น เป็นคำเล็ก ๆ และ การออกกำลังกาย เพื่อให้กล้ามเนื้อ ที่เกี่ยวข้อง กับการกลืนทำงาน ได้อย่างดีขึ้น
- ออกกำลังกาย โดยผู้ดูแล หรือ นักกายภพบำบัด ทำให้ผู้ป่วย ผู้ดูแลจะต้องพยุง ในส่วนที่จะทำให้เคลื่อนไหว ได้อย่างดีของผู้ป่วย คอยช่วยกำกับ การเคลื่อนไหว เช่น การฝึกเดิน ฝึกก้าวขาทีละข้าง ฝึกลงน้ำหนักที่ขา ตามจังหวะ การเดินปกติ การเดินบนพื้นราบ และ การเดินขึ้น – ลง บันได
- การออกกำลังกาย โดยตัวของผู้ป่วยเอง ซึ่งในผู้ป่วยทุกราย จะต้องมีการ ฝึกฝน เพื่อให้เกิดผลดี แก่ตัว ผู้ป่วยเอง แต่จะทำได้มากได้น้อยเพียงใด ก็จะขึ้นอยู่กับความสามารถ และกำลังกล้ามเนื้อ ของตัวผู้ป่วยเอง หากผู้ป่วยได้รับการฝึกฝน อย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้ผู้ป่วยเรียนรู้ การเคลื่อนไหว และ การทำกิจกรรม ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น