
โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ในคนอายุน้อย
อย่างที่เรารู้กันมาว่าโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) หรือที่คนไทยมักรู้จักกันในชื่อว่า โรคอัมพฤกษ์ หรืออัมพาต ซึ่งเกิดจากการที่เนื้อเยื่อสมองมีการขาดเลือด จากการมีเส้นเลือดในสมองตีบหรือแตก ทำให้แขนขาขยับไม่ได้ ปากเบี้ยว หรือมีปัญหาด้านการสื่อสาร ถ้าเป็นชั่วคราวก็จะเรียกว่า อัมพฤกษ์ ถ้าเป็นถาวรก็จะเรียกว่าเป็น อัมพาต โดยส่วนใหญ่โรคหลอดเลือดสมองนั้นมักพบในช่วงวัยกลางคนถึงวัยสูงอายุ แต่อันที่จริงโรคหลอดเลือดสมอง สามารถพบในคนที่อายุน้อยกว่า 45 ปีได้ โดยจะพบประมาณร้อยละ 5 ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองทั้งหมด
Stroke สาเหตุของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองในคนอายุน้อย
Stroke ในคนอายุน้อยนั้นสามารถเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้ทั้งแบบเส้นเลือดตีบและแบบเส้นเลือดแตก โดย 65% ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่อายุน้อยจะพบว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมองแบบตีบ (Ischemic stroke) ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองในคนอายุน้อย ได้แก่
- ปัจจัยเสี่ยงจากพฤติกรรม ได้แก่ การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงลักษณะการใช้ชีวิต เช่น มีพฤติกรรมเนือยนิ่ง (Sedative lifestyle) หรือการไม่ได้ออกกำลังกาย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้สามารถเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้มากกว่าคนทั่วไป
- ปัจจัยเสี่ยงจากโรคประจำตัว ซึ่งที่พบได้มากที่สุดคือ “โรคไขมันในเลือดสูง” โดยพบประมาณร้อยละ 50-60 ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองอายุน้อยทั้งหมด โรคต่อมาที่เป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองได้คือ “โรคความดันโลหิตสูง” โดยพบประมาณร้อยละ 35 ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองอายุน้อยทั้งหมด และเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง เนื่องจากเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อหัวใจและหลอดเลือดโดยตรง และโรคสุดท้ายที่พบเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองคือ “โรคเบาหวาน” ซึ่งพบประมาณร้อยละ 10 ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองอายุน้อยทั้งหมด เนื่องจากโรคเบาหวานคือโรคที่จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ส่งผลให้เลือดมีความหนืด และทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดสมองตามมาได้
- ปัจจัยเสี่ยงในผู้หญิง ได้แก่
- ไมเกรนชนิดมีอาการนำ (migraine with aura) ที่สามารถพบในผู้หญิงได้มากกว่าผู้ชาย ซึ่งตามผลวิจัยพบว่าผู้ที่มีภาวะไมเกรน สามารถเป็นโรคหลอดเลือดสมองแบบตีบได้มากกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า
- การใช้ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งในปัจจุบันมียาคุมกำเนิดหลากหลายชนิด แต่ชนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง จะสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ถึง 2.75 เท่า ในขณะที่ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ซึ่งมีฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำกว่า และเป็นที่แพร่หลายมากกว่าในปัจจุบันนั้น มีผลการศึกษาพบว่า จะสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคได้ 1.9 เท่า ส่วนยาคุมกำเนิดแบบที่มีแต่ฮอร์โมนโปรเจสติน ยังไม่พบว่าสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้
- การตั้งครรภ์ เป็นสาเหตุที่ไม่ค่อยพบ แต่ก็สามารถทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ อาจพบได้ 30 ราย จากผู้หญิงตั้งครรภ์ทั้งหมด 100,000 ราย เนื่องจากการเกิดภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ทำให้เกิดภาวะเลือดแข็งตัวง่ายขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดทั้งสมองขาดเลือดและหลอดเลือดสมองแตกตามมาได้
- ปัจจัยเสี่ยงจากโรคหัวใจ เช่น การมีรูที่ผนังห้องหัวใจ (patent foramen ovale) โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด โรคกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง โรคลิ้นหัวใจตีบหรือรั่ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ (atrial fibrillation) เป็นต้น
- ปัจจัยเสี่ยงจากภาวะที่หลอดเลือดแข็งตัวง่าย โดยสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การเกิดการกลายพันธุ์ของยีน การขาดโปรตีนที่ทำหน้าที่ในการต้านการแข็งตัวของเลือด (Antithrombin) ภาวะกรดอะมิโนในเลือดสูง (hyperhomocysteinemia) หรือจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น มะเร็ง การตั้งครรภ์ หรือภาวะ metabolic syndrome ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือดง่ายมากขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงจากความผิดปกติของหลอดเลือด เช่น ภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่บริเวณด้านหน้าคอหรือด้านหลังคอเกิดการฉีกขาด ภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่อักเสบ (giant cell arteritis), ภาวะที่มีการแคบลงของหลอดเลือดแดง (fibromuscular dysplasia) และภาวะหลอดเลือดแดงหดตัวชั่วคราว (reversible vasoconstriction syndrome) เป็นต้น
สัญญาณเตือนโรคหลอดเลือดสมอง (BEFAST)
โดยเป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน หากเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ให้รีบเรียกรถพยาบาล หรือรีบนำตัวผู้ป่วยไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
- B = Balance เดินเซ เวียนศีรษะ บ้านหมุนฉับพลัน
- E = Eyes ตาพร่ามัว มองไม่เห็น เห็นภาพซ้อนฉับพลัน
- F = Face Dropping ใบหน้าชาหรืออ่อนแรง ปากเบี้ยว หรือมีน้ำลายไหลออกที่มุมปาก
- A = Arm Weakness แขนขาอ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง
- S = Speech Difficulty ลิ้นแข็ง พูดไม่ชัด พูดลำบาก หรือนึกคำพูดไม่ออก
- T =Time to call ถ้ามีอาการเหล่านี้ ควรรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่และนำส่งโรงพยาบาลทันที
การรักษาโรคหลอดเลือดสมอง
แบ่งการรักษาออกเป็น 2 แบบ ตามการเกิดโรค คือ
- การรักษาโรคหลอดเลือดสมองแบบตีบ วิธีการรักษา ได้แก่
- การให้ยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดดำ (recombinant tissue plasminogen activator; rt-PA) ภายในเวลา 4.5 ชั่วโมงหลังจากเกิดอาการ ช่วยทำให้อาการกลับมาเป็นปกติและดีขึ้นมากกว่า90%
- การให้ยาต้านเกล็ดเลือดและยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- การผ่าตัดด้วยการใส่สายสวนเพื่อเอาลิ่มเลือดที่อุดตันออก (mechanical thrombectomy)
- การผ่าตัดเปิดกะโหลก (craniectomy)
- การรักษาโรคหลอดเลือดสมองแบบแตก
- การควบคุมความดันและให้ยาลดความดัน
- การผ่าตัดในกรณีที่มีเลือดออกมาก
วิธีป้องกันการเกิดโรค
-ควบคุมระดับความดันให้อยู่ในระดับปกติ
-ควบคุมน้ำหนักให้อยู่เกณฑ์ปกติ โดยการวัดรอบเอวผู้ชายไม่เกิน 90 เซนติเมตร และผู้หญิงไม่เกิน 80 เซนติเมตร
-ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
-เลือกรับประทานอาหาร โดยลดอาหารที่มีคลอเรสเตอรอลและไขมันอิ่มตัวสูง และเลือกรับประทานอาหารที่มีผักและผลไม้
-ลดการดื่มแอลกอฮอล์
-หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการใช้สารเสพติด
โรงพยาบาลกายภาพบำบัด สไมล์ เป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดเล็ก บริการรับดูแล และ การรักษา การบำบัด การพยาบาลและการฟื้นฟูร่างกาย ผู้สูงอายุและผู้ป่วย โดยทีมสหวิชาชีพ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาลและนักกายภาพบำบัด ผ่านการรับรองมาตรฐานของกระทรวงสาธารสุข
เรารับอาสาดูแลคนที่ท่านรัก เพื่อแบ่งเบาภาระของท่าน โดยทีมงานมืออาชีพมากด้วยประสบการณ์ จากทีมงานสหวิชาชีพผู้ชำนาญการ และเราพร้อมให้บริการ ที่พักแก่ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ทั้งประจำและไป – กลับ รายวันและรายเดือน เช่น ผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต ผู้ป่วยเรื้อรัง ติดเตียง หรือต้องการพักฟื้น เน้นการฟื้นฟูและการบำบัด
Smile Physical Therapy Hospital โรงพยาบาลกายภาพบำบัดสไมล์ 87 หมู่9 ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ประเทศไทย 11140
Tel : 099 914 1595 ( คุณแพรว )
Line : 082 978 5966
E-mail : [email protected]
Tiktok : @smilepthospital.com
YouTube : @user-je7ou7rm9b
FaceTBook : โรงพยาบาลกายภาพบำบัดสไมล์ (Smile Physical Therapy Hospital)